Betterday น้ำมันเอ็มซีที 250 มล.
น้ำมันเอ็มซีที ของเรา ผลิตจากมะพร้าวไทยคุณภาพ 100%
มะพร้าวที่เราใช้นั้นได้มาจากเกษตรกรท้องถิ่น ถือเป็นแหล่งวัตดุดิบที่ยั่งยืน
น้ำมันเอ็มซีทีประกอบไปด้วยกรดไขมันสายกลางหรือไตรกลีเซอไรด์ 2 ชนิด ได้แก่ กรดคาปริลิก (C8) 60% ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที และกรดคาปริก (C10) 40% ที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
ถึงแม้ว่าน้ำมันเอ็มซีทีของเรานั้นมีความเข้มข้นสูงกว่าน้ำมันมะพร้าวทั่วไป แต่ก็ยังคงความเป็นธรรมชาติ ปราศจากเฮกเซน ไร้กลูเตน และไม่ใช่จีเอ็มโอ
ไม่ว่าคุณกำลังมองหาตัวช่วยในการทานอาหารคีโต ตัวช่วยเพิ่มพลังงานในวันที่ต้องออกกำลังกายหนักหรือแม้กระทั่งวันที่งานยุ่งทั้งวัน น้ำมัน MCT ของเราก็ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว
MCT ย่อมาจาก Medium Chain Triglycerides โดยทั่วไปแล้วไขมันที่ประกอบเป็นน้ำมัน MCT มีอยู่ในน้ำมันมะพร้าว น้ำมันเมล็ดในปาล์ม และผลิตภัณฑ์จากนม การจำแนกประเภทไขมัน สามารถแยกตามจำนวนอะตอมของคาร์บอน โดยที่เราสามารถจัดประเภทไขมัน เป็นไขมันสายโซ่โมเลกุลสั้น (คาร์บอนน้อยกว่า 6 อะตอม) ไขมันสายโซ่โมเลกุลปานกลาง (คาร์บอน 6-10 อะตอม) และไขมันสายโซ่โมเลกุลยาว (คาร์บอนมากกว่า 10 อะตอม)
ทำไมไขมันสายกลางถึงดีกว่าไขมันสายยาว? ไขมันสายกลางจะถูกย่อยเร็วขึ้น และถือเป็นแหล่งพลังงานสะอาดสำหรับร่างกายและสมอง นั่นหมายความว่าร่างกายจะได้รับพลังงานทันที โดยไม่ต้องพึ่งพลังงานจากน้ำตาลหรืออาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูป ในทางกลับกัน ไขมันสายยาวนั้นใช้เวลาในการเผาผลาญที่มากกว่า และในระหว่างกระบวนการเผาผลาญก็ยังมีการกักเก็บไขมันอีกด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมน้ำมัน MCT ถึงดีกว่าน้ำมันมะพร้าวทั่วไป
เราอาจเคยได้ยินข้อเสียของไขมันอิ่มตัวที่อาจมีผลต่อร่างกาย แต่ความจริงแล้ว นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายต่างเห็นตรงกัน ว่าไม่ใช่ไขมันอิ่มตัวทุกชนิดนั้นเป็นไขมันไม่ดี อย่างไขมันอิ่มตัวที่พบในน้ำมัน MCT บริสุทธิ์ ดังนั้น เมื่อบริโภคไขมันชนิดนี้ ร่างกายจะดูดซึมและเผาผลาญเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ไขมันสายยาวนั้นร่างกายจะเผาผลาญได้ช้า ทำให้ถูกสะสมไว้ในร่างกาย ซึ่งได้แก่ น้ำมันมะกอก เนย ไขมันวัว น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว
นอกจากนี้ ร่างกายยังสามารถแปลงไขมันสายกลาง (Medium Chain Triglycerides) เป็นคีโตน ซึ่งเป็นสารที่ตับสร้างขึ้นเมื่อสลายไขมัน ร่างกายสามารถใช้คีโตนเป็นแหล่งพลังงานสำหรับสมองแทนน้ำตาลหรือกลูโคสได้
